กฎกติกาการเล่นพิคเคิลบอลแบบเดี่ยวหรือ Single Pickleball

กฎกติกาการเล่นพิคเคิลบอลแบบเดี่ยวหรือ Single Pickleball

พิคเกิลบอลประเภทเดี่ยวมีพื้นฐานการเล่นที่คล้ายกับประเภทคู่ กฎส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือคุณต้องเล่นคนเดียวในฝั่งของคุณโดยไม่มีคู่หูช่วย เราจะอธิบายถึงความแตกต่างทางเทคนิคระหว่างการเล่นประเภทเดี่ยวและคู่ในรายละเอียดต่อไปนี้

การยืนตำแหน่งในสนาม

การเสิร์ฟพิคเกิลบอลในประเภทเดี่ยวจะเหมือนกับประเภทคู่ ผู้เล่นต้องยืนอยู่หลังเส้นฐานเมื่อเสิร์ฟ โดยการเสิร์ฟครั้งแรกจะเริ่มจากฝั่งขวาของสนาม

ในการเล่น ผู้เล่นจะเสิร์ฟจากฝั่งขวาเมื่อคะแนนเป็นเลขคู่ และจากฝั่งซ้ายเมื่อคะแนนเป็นเลขคี่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นประเภทคู่หรือเดี่ยว คุณควรพยายามเคลื่อนที่เข้าไปใกล้เขตห้ามวอลเล่ย์ (kitchen) หลังการเสิร์ฟให้เร็วที่สุด การยืนตำแหน่งในเขตนี้จะช่วยให้คุณสามารถรับลูกกับคู่ต่อสู้ตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขนาดสนาม

ขนาดของสนามพิคเคิลบอลมีความต่างจากกีฬาเทนนิสที่มีเส้นข้างแยกสำหรับการเล่นประเภทเดี่ยวและคู่ ในพิคเกิลบอล ขนาดสนามจะเหมือนกันทั้งประเภทเดี่ยวและคู่ ขนาดของสนามพิคเกิลบอลอยู่ที่ 20 ฟุต x 44 ฟุต ซึ่งคุณต้องควบคุมพื้นที่ขนาด 440 ตารางฟุตด้วยตัวเองเมื่อเล่นประเภทเดี่ยว

อุปกรณ์

อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นพิคเกิลบอลประเภทเดี่ยวเหมือนกับประเภทคู่ ลูกบอล พื้นสนาม และความสูงของตาข่ายเหมือนกันหมด คุณยังต้องใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ เช่น ไม้พิคเกิลบอลที่ดี และข้อดีของการเล่นคนเดียวคือคุณไม่ต้องกังวลเรื่องสีชุดที่จะเข้ากับคู่หู สามารถใส่ชุดสีสันได้ตามใจชอบ เพียงแต่เสื้อไม่ควรเป็นสีเดียวกับลูกบอล!

กติกาพิคเกิลบอลประเภทเดี่ยว

พิคเกิลบอลมักจะเล่นเป็นประเภทคู่มากกว่า แต่ปัจจุบันการเล่นประเภทเดี่ยวเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นที่อายุน้อยหรือมีพื้นฐานจากกีฬาเทนนิส

ก่อนหน้านี้ การเล่นประเภทเดี่ยวมักเป็นเกมที่มีการตีลูกไปมาเพียง 3-4 ครั้ง แต่เมื่อผู้เล่นเริ่มฝึกซ้อมตั้งแต่อายุยังน้อยและมีการฝึกทางกายภาพมากขึ้น เกมก็จะเปลี่ยนไปและจะมีการเล่นแรลลียาวขึ้น

กติกาการเสิร์ฟและการกำหนดผู้เสิร์ฟ

เหมือนกับประเภทคู่ การเสิร์ฟครั้งแรกในพิคเกิลบอลประเภทเดี่ยวจะเริ่มจากฝั่งขวาของสนาม การกำหนดผู้เสิร์ฟครั้งแรกสามารถใช้วิธีการสุ่มแบบดั้งเดิม เช่นการโยนเหรียญ

หากผู้เสิร์ฟชนะในการแรลลี ผู้เสิร์ฟจะได้เสิร์ฟต่อจากฝั่งซ้าย และจะเสิร์ฟสลับฝั่งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเสียแต้ม เมื่อนั้นจะเป็นตาของคู่ต่อสู้ในการเสิร์ฟจากฝั่งขวาของสนาม

การนับคะแนน

การนับคะแนนในพิคเกิลบอลประเภทเดี่ยวทำได้ง่ายกว่าประเภทคู่ เนื่องจากไม่มีเลขที่สามที่ระบุว่าผู้เสิร์ฟคือใคร คะแนนที่เรียกออกมาจะเป็นเพียงคะแนนที่แต่ละฝ่ายทำได้ (เช่น 2-1) ซึ่งคะแนนนั้นบอกว่าใครเป็นผู้เสิร์ฟ โดยคะแนนของผู้เสิร์ฟจะถูกเรียกก่อนเสมอ

วอลเล่ย์และกฎลูกสองกระดอน

ในการเล่นประเภทเดี่ยว กฎเกี่ยวกับการวอลเลย์ยังคงเหมือนกับประเภทคู่ คือห้ามวอลเลย์ในเขต kitchen และกฎลูกสองกระดอน (double bounce rule) ยังคงใช้อยู่ นั่นหมายถึงผู้รับเสิร์ฟต้องปล่อยให้ลูกกระดอนหนึ่งครั้งก่อนจะรับลูกได้ และผู้เสิร์ฟต้องปล่อยให้ลูกกระดอนหนึ่งครั้งหลังจากได้รับลูกคืน จากนั้นจึงสามารถวอลเล่ย์กันได้ตามปกติโดยไม่ต้องรอให้ลูกกระดอน

การตัดสินลูกออก

การตัดสินลูกออกในพิคเกิลบอลประเภทเดี่ยวยังคงเหมือนกับประเภทคู่ หากลูกบอลออกนอกเส้นและเห็นได้ชัดว่ามีช่องว่างระหว่างลูกและเส้น ให้ตัดสินว่าลูกออก หากไม่แน่ใจ ให้ผลประโยชน์ตกเป็นของฝ่ายคู่ต่อสู้

ความแตกต่างระหว่างการเล่นพิคเกิลบอลประเภทเดี่ยวและคู่

ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างพิคเกิลบอลประเภทเดี่ยวและคู่คือการที่คุณต้องเล่นคนเดียว ทำให้ต้องครอบคลุมพื้นที่สนามทั้งหมดด้วยตัวเอง นั่นทำให้การเล่นประเภทเดี่ยวต้องใช้ความเร็ว ความคล่องตัว และกลยุทธ์มากขึ้น

นอกจากนี้ ในการเล่นประเภทเดี่ยว การตีลูกจะไม่เน้นไปที่การตีใกล้ตาข่ายเหมือนประเภทคู่ ผู้เล่นมักจะติดอยู่ในเขตหลังสนามมากกว่า ทำให้การเล่นประเภทเดี่ยวมีการตีลูกยาวมากขึ้น

Back to blog